Description
|
การจัดทำโครงการสหกิจศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางในการวางแผนควบคุมการสั่งพัสดุและการจัดเก็บพัสดุคงคลัง และเพื่อช่วยลดปัญหาปริมาณพัสดุบรรจุคงคลังที่สูงเกินความจำเป็น จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวผู้จัดทำได้กำหนดเป้าหมายในการศึกษาโดยเริ่มจากการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างและไม่เป็นทางการกับผู้จัดการคลังสินค้า และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานคลังสินค้า และใช้ข้อมูลย้อนหลังของพัสดุคงคลังในปีงบประมาณ 2566 มาวิเคราะห์ผล พบปัญหาจากกระบวนการสั่งซื้อพัสดุและการรับพัสดุเข้ามาเก็บไว้ภายในคลังมีปริมาณมากเกินความต้องการ ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บมีไม่เพียงพอ และต้นทุนพัสดุคงคลังเพิ่มสูงขึ้น
งานวิจัยนี้ผู้จัดทำได้จำแนกพัสดุบรรจุออกเป็นกลุ่มด้วยทฤษฎี ABC Analysis เพื่อแบ่งประเภทและจัดลำดับความสำคัญของพัสดุบรรจุจาก 258 รายการ พบว่าสินค้ากลุ่ม A จำนวน 28 รายการ กลุ่ม B จำนวน 48 รายการ และกลุ่ม C จำนวน 182 รายการ จากนั้นเลือกสินค้ากลุ่ม A ที่เป็นพัสดุบรรจุประเภทฝาจีบและฝากระป๋องทั้ง 2 รายการ เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดในการจัดเก็บ และเป็นพัสดุบรรจุหลักที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรง อาจส่งผลต่ออายุของผลิตภัณฑ์หากไม่มีการดูแลและควบคุมพัสดุคงคลังที่เหมาะสม จึงเปรียบเทียบนโยบายการสั่งซื้อแบบเดิม และนโยบายการสั่งซื้อแบบ Max-Min และนโยบายแบบการสั่งซื้อแบบประหยัด Economic Order Quantity, EOQ และจุดสั่งซื้อที่เหมาะสม Reorder Point, ROP รวมถึงการสั่งซื้อขั้นต่ำ Minimum Order Quantity, MOQ โดยการแบ่งปริมาณการสั่งซื้อ และจุดสั่งซื้อตามช่วงที่มีการใช้พัสดุบรรจุ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นช่วง คือต้นปีและปลายปีเป็น High Season และกลางปีเป็น Low Season จากผลการศึกษาพบว่า พัสดุบรรจุ RM001 (ฝากระป๋อง) นโยบายที่เหมาะสมคือนโยบายการสั่งซื้อแบบ MOQ สามารถลดต้นทุนรวมได้ 46% ซึ่งสามารถลดปริมาณพาเลทได้ 44% และอัตราการหมุนเวียนพัสดุคงคลังเพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับนโยบายเดิม และพัสดุบรรจุ RM004 (ฝาจีบ) นโยบายที่เหมาะสมคือนโยบายการสั่งซื้อแบบ Max-Min สามารถลดต้นทุนรวมได้ 8% ซึ่งสามารถลดปริมาณพาเลทได้ 10% และอัตราการหมุนเวียนพัสดุคงคลังเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับนโยบายเดิม |